รายงานพิเศษ-เฟ้นหาหุ้น “แพคเกจจิ้ง” กูรูยกให้ BGC ผู้นำตัวจริง

2583

จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกในปีนี้ที่มีปัจจัยต่างๆมารุมเล้าทั้งด้านการเศรษฐกิจ  ค่าเงินผันผวน และสิ่งที่ทั่วโลกกำลังเผชิญนั่นก็คือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยและทั่วโลก ที่ต่างต้องหันมาปรับพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่ยังสามารถยืนหยัดอยู่ในท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งเชื่อว่านักลงทุนหลายคนคงแบ่งสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบแต่กลับยังได้อานิสงส์ด้วย ซึ่ง 1 ในธุรกิจที่น่าสนใจคือ กลุ่มธุรกิจ แพคเกจจิ้ง ในยุค New normal คงไม่มีใครปฏิเสธการสั่งซื้ออาหาร มารับประทานซึ่ง แพคเกจจิ้ง จึงเข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของมนุษย์ และที่ผ่านมามีหุ้นในกลุ่มนี้ราคาได้ปรับตัวขึ้นไปแรงพอสมควรแต่ยังมีอีก 1 หุ้นที่ราคาแม้ว่าจะปรับขึ้นมาแต่ก็ยังโดดเด่นและน่าสนใจอยู่ไม่น้อยนั่นก็คือ

บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน)หรือ BGC ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อาหาร และยา ที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในกลุ่ม CLMV อินเดีย ประเทศในเขตโอเชียเนีย สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป โดยมีเป้าหมายการเป็นผู้นำในอาเซียนด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์แก้ว รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำแบบครบวงจร จึงมองหาโอกาสการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ และธุรกิจผลิตและจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

 

เปิดโครงสร้างธุรกิจ

ซึ่งมีบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วจำนวน 6 บริษัทมีเตาหลอมแก้วรวมทั้งหมด 11เตา และมีกำลังการผลิตรวมสูงสุดที่ 3,495 ตัน/วัน โดยมีโครงสร้างรายได้จากการขายบรรจุภัณฑ์ดังนี้ 1.เบียร์ สัดส่วน 41 %, 2.เครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์(Soft dirnk) สัดส่วน 37.1%, กลุ่มอาหารสัดส่วน 9.2% และที่เหลือจะเป็นขวดประเภทอื่นสัดส่วน 12.1% และอีก 1 บริษัทคือ บริษัท โซล่า พาวเวอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (“SPM”)ที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม(โดยถือหุ้นสัดส่วน 67% ของ หุ้นทั้งหมดในย PKS ซึ่งเป็นบ.ย่อยในเวียดนาม จำนวน 2 โครงการขนาด กำลังการผลิตรวม 99.216 เมกะวัตต์

 

ทุ่มเงิน กว่า 1.6 พันลบ.ฮุบ2บ.แพจเกจจิ้ง

ขณะที่ล่าสุดปีนี้บริษัทได้ประกาศเข้าลงทุนในบริษัทบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด (BVP) จำนวน 669,997 หุ้น สัดส่วน 100% มูลค่า 500 ลบ. และบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BCP)  จำนวน 3,399,998 หุ้น สัดส่วน 100% มูลค่า 1,150 ลบ.

 

แนวโน้มผลงานปี 64ยังโตโดดเด่น

โดยมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 61-63 โดยมีรายได้ 10,521.82 ลบ.,11,318 ลบ.,และ 11,025.31 ลบ. ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ ปี 61-63 ดังนี้ 496.17ลบ., 511.62ลบ. และ 516.41 ลบ.ตามลำดับ ส่วนผลการดำเนินงานงวดไตรมาส1/64 บริษัทมีรายได้ 3,036.86 ลบ. และมีกำไรสุทธิ 182.43 ลบ. ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปี ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 64  ที่ 601 ล้านบาท (+10% YoY) สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส2/64 คาดเห็นการเติบโตจากฐานต่ำในไตรมาส2/63 โดยผลิตภัณฑ์ที่โต YoY ยังคงเป็นบรรจุภัณฑ์เบียร์รวมถึงรายได้เติบโตสูงขึ้นจาก 2 บริษัทใหม่ ที่เริ่มรับรู้ ตั้งแต่ เม.ย. โดยคาดเห็นรายได้ทั้งปี จาก 2 บริษัทที่เข้ามาเพิ่มขึ้นราว 1,500 ลบ.ซึ่งจะสามารถช่วยชดเชยต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 80%

 เคาะราคาเป้าหมาย 13.50บ.

นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการขยายการส่งออกไปยังกลุ่มลูกค้า USA มากขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้สัดส่วนยอดส่งออกมีแนวโน้มสูงเป็น 10% จากเดิมที่ 8% ในไตรมาส 1/64 ด้านราคาหุ้นปรับตัวลง -17% ใน 6 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงความกังวลผลประกอบการหลังจากการเข้าซื้อกิจการ ปัจจุบัน BGC เทรดอยู่ที่ 64 E PER 12เท่า (-1SD below 5-yr average PER x) และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่สูงในระดับ 5-6% จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมพื้นฐานที่ 13.50 บาท/หุ้น

 

ทั้งนี้ส่วนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ล่าสุด ณ วันที่ 6 ส.ค.64 อยู่ที่ 12.10 บ./หุ้น เพิ่มขึ้น 17.48 % จากราคาปิดสิ้นปี 63 ที่ 10.30 บ./หุ้น

นลท.ในตปท.สนใจเข้าเก็บ

ไม่เพียงเท่านี้จากศักยภาพการทำตลาดในกลุ่มประเทศCLMVและผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ในระดับภูมิภาค ล่าสุดบริษัทได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี SETCLMV ทำให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศต้องหันมาสนใจและเลือกลงทุน และที่สำคัญยังจัดเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการเปิดประเทศของกลุ่มCLMVสอดคล้องกับเป้าหมายที่มุ่งขยายตลาดส่งออกอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ

ฐานะการเงินแข็งแกร่ง

ซึ่งเชื่อมั่นว่า BGCมีศักยภาพอีกมากในการขยายการเติบโตไปในตลาดต่างประเทศและการมองหาธุรกิจใหม่ๆเพื่อต่อยอดด้วยฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและการันตีจากสถาบันการจัดอันดับอย่าง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS Rating)ได้คงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับA-ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิตStableหรือ คงที่ เป็นปีที่สองติดต่อกัน โดย TRIS Rating ได้สะท้อนถึงศักยภาพของบริษัทฯที่โดดเด่น ผลการดำเนินงานและความสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องแม้ในสถานการณ์Covid-19

ขณะที่แผนงานในปีนี้บริษัทยังวางเป้าหมายเติบโตจากปีก่อน หลังขยายการลงทุนในธุรกิจฟิล์มพลาสติก ฝาพลาสติก ขวดPETหลอดพรีฟอร์ม และบรรจุภัณฑ์กระดาษ ที่เสริมความได้เปรียบในการแข่งขันเชิงรุก ด้วยการยกระดับโมเดลธุรกิจสู่Total PackagingSolutionsที่สามารถตอบสนองความต้องการบรรจุภัณฑ์ของลูกค้าได้ตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อตอกย้ำฐานะผู้นำอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้วในประเทศไทยด้วยประสบการณ์ในธุรกิจกว่า40 ปี พร้อมความแข็งแกร่งในด้านการเงินและศักยภาพในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตอบสนองความต้องการทั้งในไทยและต่างประเทศ

🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้

https://lin.ee/cXAf0Dp