วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

70

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังอุปทานที่อาจจะเพิ่มขึ้นจากอิหร่าน และความกังวลอุปสงค์ชะลอตัวจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

– ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลดลง หลังการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ ระหว่างสหรัฐฯ  สหภาพยุโรป และอิหร่านกลับมาดำเนินต่อไปอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้มีข่าวว่าสหรัฐฯ ยุติการเจรจาไปเนื่องจากยังไม่ยอมรับข้อเรียกร้องหลายข้อของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม อิหร่านอ้างว่าข้อตกลงนิวเคลียร์ในปี 2558 ที่ร่างโดยสหภาพยุโรปได้รับการตอบกลับจากสหรัฐฯ แล้ว

– ตลาดยังคงมีความกังวลว่าความต้องการใช้น้ำมันจะยังคงถูกกดดันจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ช้ากว่าคาดหรือถึงขั้นถดถอย หลังปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูงทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดนักลงทุนส่วนใหญ่ จากรายงานของ CME Group เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.75%  ในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 20-21 ก.ย. นี้

-/+ นักลงทุนจับตาการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ของ นายโรม พาวเวล จากการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ก่อนที่การประชุมจะสิ้นสุดในวันที่ 27 ส.ค. โดยคาดว่าทางเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ท่ามกลางความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ในสหรัฐลดลง โดยทางสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ รายงานปริมาณความต้องการน้ำมันเบนซินลดลงประมาณ 9 แสนบาร์เรลสู่ระดับ 8.43 ล้านบาร์เรล ณ ปลายสัปดาห์ที่แล้ว

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานมีแนวโน้มถูกจำกัดจากการส่งออกของประเทศจีนและอินเดียในเดือน ก.ย. โดยในอินเดียคาดว่าจะส่งออกน้ำมันดีเซลเพียง 3-5 แสนบาร์เรล ในเดือน ก.ย. เท่านั้น ลดลงจากการส่งออกมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลในเดือน ก.ค.

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp