CPF ราคาหมูพุ่ง! กำไรQ3แรงเกิน40%

235

 

มิติหุ้น-บล.กรุงศรี เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำ “เพิ่มน้ำหนัก” เข้าลงทุนในหุ้น CPF  เพราะได้รับอานิสงส์ ราคาหมูและไก่เฉลี่ยในQ3/65 เพิ่มขึ้นเป็น 103 บาท/กก. (+49% yoy, 6% qoq) และ 46.33 บาท/กก. (+54% yoy, 14% qoq) ตามลำดับ โดยราคาหมูในเวียดนามฟื้นตัวขึ้นเป็น VND61,000/กก. (+49% yoy, 6% qoq)

 

ทั้งนี้ “ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์” ของ CPF ใช้ข้าวโพด และกากถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งต้นทุนเฉลี่ยในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนอยู่ที่ 13.12 บาท/กก. และ 22.77 บาท/กก. (+14% และ +6% qoq ตามลำดับ) และ บริษัทมีสต็อกวัตถุดิบที่ใช้ได้นานสามเดือน ซึ่งหมายความต้นทุนอาหารสัตว์สำหรับการดำเนินงานในงวด Q3/65 จะเพิ่มขึ้นราว 10%

 

ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย qoq เป็น 15.0% ใน Q3/65  จาก 14.5% ใน Q2/65 ส่วนในประเทศจีน ราคาหมูเพิ่มขึ้น 34% qoq เป็น CNY28.23/กก. ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจาก CTI ในจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านบาทใน Q3/65  เทียบกับส่วนแบ่งขาดทุน 900 ล้านบาท ใน Q2/65 ทำให้ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิใน Q3/65  จะเพิ่มขึ้น 41% qoq เป็น 5.9 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือดีขึ้นตามราคาเนื้อสัตว์ที่สูงขึ้น

มีแนวโน้มสดใสในปี 66

โดยฝ่ายวิจัยมองบวกกับแนวโน้มปี 66 เนื่องจาก 1) ราคาเนื้อสัตว์ในตลาดไทย และจีนสูงขึ้น 2) ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง เราคาดว่าต้นทุนอาหารสัตว์จะลดลงเนื่องจาก อุปทานข้าวโพด และถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย และอุปสงค์ลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ทั้งนี้ ราคาข้าวโพดในช่วงนี้ลดลงมา 12% แล้วจากจุดสูงสุดเมื่อเดือนมิถุนายนมาอยู่ที่ 11.65 บาท/กก. ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” เนื่องจาก 1) คาดว่าราคาหมูจะยังอยู่ในระดับสูงในปี FY22F-23F จากวัฏจักรการเลี้ยงหมูที่ยาวนาน (300 วัน) 2) คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบลดลง และ 3) ราคาหมูในจีนฟื้นตัวขึ้น

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp