บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดวิสัยทัศน์ 10 ปี มุ่งสู่องค์กรดิจิทัลยุคใหม่ เดินหน้าเป็นหนึ่งด้านบริหารจัดการกองทุนระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน

113

มิติหุ้น – บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด นำโดยหัวเรือใหญ่ นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมคณะผู้บริหารเปิดแนวคิดสร้างและผลักดันองค์กรผ่านเทคโนโลยีและเอไอ เดินหน้าสู่การเป็นองค์กรยุคใหม่ของโลกดิจิทัลในทุกมิติ มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์-งานบริการที่ครบถ้วนและตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่มสร้างความท้าทายด้วยเป้าหมายการเป็นองค์กรอันดับหนึ่งด้านการบริหารจัดการกองทุนระดับภูมิภาคที่มีการเติบโตที่ยั่งยืน

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในด้านการบริหารจัดการกองทุนผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุน การพัฒนาช่องทางการขายและการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่ดี ซึ่งส่งผลให้ บลจ.ได้รับรางวัลการันตีจากหลายหน่วยงานชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ โดยหนึ่งในนั้นคือรางวัลการเป็น บลจ. อันดับหนึ่งด้าน “ความยั่งยืน” รายแรกของประเทศไทย จากเวที SET Awards ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อการพัฒนาองค์กรให้ก้าวสู่ความยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันก็เป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับทุกองค์กรทั่วโลกด้วยเช่นกัน

บริษัทจึงมีเป้าหมายผลักดันความยั่งยืนให้เข้าไปเป็นส่วนหลักในทุกกิจกรรมเพื่อสร้างการเติบโตและให้เป็นที่เชื่อมั่นของกลุ่มพันธมิตรในระดับภูมิภาคด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือหลักในการผลักดัน เช่น ต่อยอดการใช้ AI & Machine Learning มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และจัดการบริหารกองทุนและการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างประสบการณ์ที่ดีด้านการลงทุนและการบริการให้กับลูกค้า ทั้งนี้ เพื่อต่อยอดทางธุรกิจ รองรับการเติบโต
และเชื่อมต่อกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้นในอนาคต (Scalable Business) โดยในปี 2576 บริษัทฯ จะก้าวสู่การเป็นที่หนึ่งใน 4 เรื่องคือ (1) การสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้นักลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง (2) มีช่องทางและผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันอย่างเหมาะสม และเต็มรูปแบบมากขึ้น (3) เป็นผู้นำการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆมาสร้างนวัตกรรมการบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น และ (4) เสริมสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่สร้างโอกาสในการเรียนรู้ของพนักงานเกื้อหนุนการเติบโตและประสบการณ์ของพนักงานอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันโลกจะเดินหน้าด้วยเทคโนโลยีแต่บริษัทยังคงเชื่อมั่นว่าพนักงานมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนองค์กร โดยบริษัทจะเน้นการสร้างวัฒนธรรมในที่ทำงานผ่านรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมีแนวปฏิบัติในการทำงานด้วยค่านิยมที่พนักงานงานสามารถเข้าถึงได้และการสร้างวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันเป็นทีมให้เกิดความไว้วางใจและสร้างความสุขให้กับพนักงานในระยะยาว

นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการลงทุน เปิดเผยกลยุทธ์ด้านการลงทุนว่าบริษัทจะผลักดันและพัฒนารูปแบบการลงทุนผ่านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องมุ่งมั่นที่จะบริหารกองทุนด้วยวิธี Quantamental Investing ซึ่งคือ Quantitative Analysis (การคำนวนเชิงปริมาณ) รวมกับ Fundamental Analysis
(การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน) โดยการใช้ Big Data และ Machine Learning มาผสมผสานกับ Human Expertise เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวซึ่งการบริหารด้วยวิธี Quantamental Investing จะช่วยให้บริษัทสามารถขยาย Investment Universe การลงทุนได้ในวงกว้าง สามารถสร้างหรือปรับพอร์ตลงทุนได้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการทั้งด้านความเสี่ยงและผลตอบแทน

จากกลยุทธ์นี้บริษัทมองว่าค่าใช้จ่ายสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลและข้อมูลมีความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับจำนวนหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นและโอกาสการลงทุนที่ตามมา ทั้งนี้ บริษัทเริ่มออกกองทุนที่บริหารโดย Machine Learning มาแล้ว 5 ปี เริ่มต้นจากการลงทุนในตลาดไทย และขยายการลงทุนตรงไปในหุ้นประเทศจีนหุ้นประเทศอเมริกา และ ETF ในอเมริกา โดยจำนวนนักลงทุนที่สนใจในการลงทุนโดยวิธี Machine Learning มีเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ด้าน นายอาชวิณ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการตลาดและช่องทางการขาย กล่าวเพิ่มว่าโลกลงทุนมีนวัตกรรมการเงินเกิดขึ้นตลอดเวลาการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ก้าวทันกับความต้องการของลูกค้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นบริษัทจึงตั้งเป้าหมายการขยายตลาด โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ด้วยการ (1) จัดตั้งกองทุน Private Asset ที่มีการลงทุนเฉพาะในกลุ่ม Asset Class ต่างๆ เช่น Private Equity, Private Credit และ Private Real Estate/Infrastructure (2) เพิ่มและหาโอกาสการลงทุนในกองทุนประเภทอื่น เช่น Hedge Fund เป็นต้น สำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อย (3) วางแผนเพิ่มชนิดหน่วยลงทุนประเภท e-class และ SSF e-
class ที่ได้รับการเรียกร้องให้เปิดหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการลงทุนที่ไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อ (Front-ended fee) และค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management fee) โดยล่าสุดบริษัทมีหน่วยลงทุนประเภท e-class และ SSF e-class จำนวน 80 กองทุน คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สิน (AUM) มากกว่า 2,000 ล้านบาท (ข้อมูลเดือนกุมภาพันธ์ 2566) และ (4) ขยายกองทุน Index Fund ให้ครอบคลุมภูมิภาคอื่น หรือ Asset Class อื่นเพิ่มเติม
เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของนักลงทุนไทยที่ต้องการไปลงทุนในต่างประเทศที่มีมากขึ้นได้ ควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางพันธมิตรที่มากขึ้นรวมถึงตัวแทนขายอิสระซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของผลการดำเนินงานที่ดีในช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทจะนำเทคโนโลยีมาพัฒนาแอพลิเคชัน SCBAM Fund Click ในการให้คำแนะนำด้านการลงทุนและบริการที่ครบวงจรเพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านการเติบโตของจำนวนลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นจากการเข้าลงทุนตรงกับบริษัท

นางปิ่นสุดา ภู่วิภาดาวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายวางแผนเทคโนโลยีและปฏิบัติการ กล่าวว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามาผลักดันองค์กรเพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนเป็นสิ่งจำเป็นและมีความท้าทาย ในโลกยุคดิจิทัลที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยให้เลือกใช้มากมาย การใช้งาน Internet และข้อมูลจำนวนมาก ประกอบกับรูปแบบการทำงานแบบ Hybrid model รวมถึงความซับซ้อนของภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทำให้การรักษาความปลอดภัยด้านไซเบอร์ (Cyber Security) แบบเดิมๆไม่เพียงพออีกต่อไป ความสามารถในการเตรียมตัวและตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Resilience) จึงเป็นแผนกลยุทธ์ที่มีความสำคัญต่อการเดินหน้าสู่องค์กรยุคใหม่ของโลกดิจิทัลบริษัทได้นำระบบ AI มาใช้เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามและการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลพร้อมทั้งควบคุมความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีด้วยมาตรฐานสากล GRC Framework (GRC;Governance, Risk and Compliance) ควบคู่กับการฝึกซ้อมแผนรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อเตรียมความพร้อมให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปลูกฝังเรื่อง Security จนเป็นวัฒนธรรมขององค์กรและกลายเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานของพนักงานทุกคน

นอกจากนี้เทคโนโลยียังเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยยกระดับการบริการเพื่อสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อให้กับลูกค้าในรูปแบบออนไลน์ โดยเชื่อมโยงการสื่อสารและให้บริการเป็นหนึ่งเดียวผ่าน Omnichannel ได้ตลอด 24 ชม. พร้อมนำเทคโนโลยีด้าน Biometric มายกระดับความปลอดภัยและช่วยลดขั้นตอนการทำธุรกรรมต่างๆ ให้กับลูกค้าเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดต่อนักลงทุนในทุกๆ ด้าน เทียบเท่าบริษัทในระดับภูมิภาคเทคโนโลยีจึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้องค์กรเติบโตไปสู่ระดับภูมิภาคได้อย่างยั่งยืน

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon