NER พ้นจุดต่ำสุด ครึ่งหลังสยายปีกโต

2053

ภาพรวมผลิตภัณฑ์ยางพาราที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เผชิญกับความต้องการของประเทศคู่ค้าที่ลดลง และคู่แข่งหน้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่ม CLMV ซึ่งมี กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม ที่นักลงทุนจีนได้เข้าไปลงทุนปลูกยางพาราในช่วงหลายปีก่อน รวมถึงราคายางพาราที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้ง ในปี 2566 ที่จะเกิดปรากฏการณ์ เอลนีโญ มีโอกาสที่อุณหภูมิในโลกยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มองว่าจะมีปริมาณฝนน้อยกว่าทุกปี เพราะสภาพอากาศที่ร้อน และแล้ง ส่งผลให้ธุรกิจในกลุ่มเกษตรมีผลผลิตลดลง

ขณะที่ ณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ประเมินว่า ผลผลิตยางพาราโลกทั้งปี 2566 มีแนวโน้มลดลงกว่าปี 2565 เนื่องจากการระบาดของโรคใบร่วง อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าว ทำให้แนวโน้มราคายางตั้งแต่กลางปี 2566 จะค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ สาเหตุจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้ยางเพื่อผลิตล้อรถเพิ่มขึ้น

จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ส่งผลกระทบต่อธรุกิจของ บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือNER ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางพารารายใหญ่ในประเทศไทย

NER ฟื้น รับราคายางปรับตัวขึ้น

บล.หยวนต้า มองว่า NER มีกำไรปกติใน ไตรมาส1 ปี 2566 (Q1/66) ได้ผ่านจุดต่ำสุดของปี 2566  และผ่านจุด Bottom ของอุตสาหกรรมยางพาราแล้ว  ดังนั้น ใน Q2/66 คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัว เนื่องจากมองว่าจะมีปริมาณขายไม่น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) สำหรับในช่วงครึ่งหลังปี 2566 (2H66) คาดว่าจะปริมาณน้ำฝนในปี 2566 จะน้อยกว่าปกติ ส่งผลให้น้ำยางออกสู่ตลาดน้อยกว่าปกติได้ ขณะที่ผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นรายไตรมาส และมองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เป็นโอกาสสะสม อย่างไรก็ตาม ยังคงแนะนำ ซื้อ ในราคาเป้าหมาย 7.10 บาท

ขณะเดียวกัน บล.พาย กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยางพารายังคงมีความต้องการใช้ยางอยู่มาก โดยเฉพาะ จีน ที่มีความต้องการยางรถยนต์เพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 (YoY) รวมถึงราคายางที่ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น ในช่วง Q2/66 อย่างไรก็ตามยังคงมีผลกระทบจากภัยแล้ง ที่ส่งผลต่อปริมาณยางพาราในภาคอีสานน้อยกว่าที่ประเมินไว้ ทำให้การขยายโรงงานใหม่ของ NER ยังคงอยู่ระหว่างติดตามผลกระทบดังกล่าว ทั้งนี้ ยังคงแนะนำ ซื้อ ราคา 7.10 บาท

เอลนีโญพ่นพิษ ผลผลิตยางลดลง

ขณะที่ บล.กรุงศรี พัฒนสิน ปรับคำแนะนำเป็น “Neutral” จากเดิม Trading  Buy ในราคาเป้าหมาย 5 บาท จากเดิม 6.30 บาท เนื่องจากความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกและสหรัฐชะลอตัวจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมรถยนต์และยางล้อ รวมถึงจะส่งผลต่อความต้องการยางพารา และราคาขายยาง สำหรับ ปรากฏการณ์ เอลนีโญ มองว่า อาจทำให้ผลผลิตยางในประเทศไทยน้อยกว่าที่คาด จากปัจจัยข้างต้น ทำให้เป็นแรงกดดันต้นทุนยางของ NER สูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นมีแรงกดดันเพิ่มขึ้น

ด้าน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า NER มีปริมาณขายยางจะมีแนวโน้มเติบโต YoY ตามอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นจากการเปิดประเทศของจีน และความต้องการยางรถ EV เพิ่มขึ้น รวมทั้งการขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ อย่างไรก็ตามยังคงมีความเสี่ยงสำคัญจากปัจจัย ความผันผวนของราคายางพารา ค่าเงินบาทแข็ง รวมถึงการถดถอยของเศรษฐกิจโลกและจีน ดังนั้น ยังคงแนะนำ ขายหรือหลีกเลี่ยงไปก่อน

 

Q2 มั่นใจยอดขายดี รับอานิสงส์ค่าบาทอ่อน 

บิ๊กชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ CEO NER เผยว่า ในช่วง Q2/66 มองว่า จะรับรู้รายได้จากกการขายยางจะปรับตัวดีขึ้น และรับรู้กำไรดีขึ้น จากในช่วง Q1/66 เนื่องจากได้รับผลประโยชน์ของค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่า อีกทั้งราคายางที่รักษาระดับจากสถานการณ์ภัยแล้ง

สำหรับ ปรากฏการณ์ เอลนีโญ ที่จะเกิดขึ้น มองว่าจะส่งผลดีต่อบริษัท เนื่องจากจะส่งผลให้ราคายางพาราอาจปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากราคายางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้น แทนที่ปริมาณยางที่หายไป อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อวัตถุดิบของบริษัทในปี 2567 มากกว่าในปี 2566

ในปี 2566 บริษัทมุ่งเน้นการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างกำลังเจรจากับลูกค้ารายใหม่ ๆ อีกหลายราย ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้มั่นใจว่าทั้งปี 2566 จะมีปริมาณขายแตะ 500,000 ตัน เป็นผลมาจากบริษัทคาดว่าจะรับรู้ปริมาณขายในแต่ละไตรมาส ได้ประมาณ 125,000 ตัน โดยใน Q1/66 บริษัทรับรู้ประมาณขายอยู่ที่ 127,574 ตัน

นอกจากนี้ บริษัทได้เข้าลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 3 เพื่อขยายกำลังผลิตสินค้าประเภทยางแท่งและยางแท่งผสม ซึ่งมีกำลังผลิตรวม 172,800 ต้น คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและรับรู้รายได้ในปี 2567 ส่งผลให้บริษัทจะมีกำลังผลิตรวมทั้งสิ้น 688,400 ต้นต่อปี

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon