คปภ. ผนึกกำลังพันธมิตร แถลงความพร้อมการจัดงาน “Thailand InsurTech Fair 2023”มหกรรมเทคโนโลยีประกันภัยสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ภายใต้แนวคิด ‘เสริมสร้างโลกแห่งประกันภัยที่ยั่งยืนด้วยสุดยอดนวัตกรรมด้านประกันภัย’ พบกัน 8-10 กันยายน นี้

78

มิติหุ้น – สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) และศูนย์ Center of InsurTech Thailand (CIT) แถลงข่าวความพร้อมการจัดงานมหกรรมเทคโนโลยีประกันภัยสุดยิ่งใหญ่แห่งปี “Thailand InsurTech Fair 2023 (TIF2023)” ภายใต้ แนวคิด Strengthening Sustainability Through Insurance Innovation – เสริมสร้างโลกแห่งประกันภัยที่ยั่งยืนด้วยสุดยอดนวัตกรรมด้านประกันภัย รวมบริษัทประกันภัยชั้นนำและแพคเกจประกันภัยที่หลากหลายไว้มากที่สุดในประเทศไทย อัปเดตเทรนด์ใหม่ๆ และข้อมูลความรู้ทุกเรื่องของประกันภัย พร้อมกิจกรรมเวิร์กช็อปมากมายจากเหล่ากูรูด้านประกันภัยทั้งในไทยและต่างประเทศ พบกับนวัตกรรมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ล่าสุด ในราคาสุดพิเศษ ส่วนลดสูงสุด 30% พร้อมรับข้อเสนอพิเศษเฉพาะในงานเท่านั้น และยังได้ร่วมสนุกกับกิจกรรม Interactive ต่างๆ  ซื้อผลิตภัณฑ์ในงานร่วมชิงโชคของรางวัลมูลค่ากว่า 1.4 ล้านบาท อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า BYD และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังได้สนุกสนานไปกับศิลปินชั้นนำที่มามอบความบันเทิง พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านประกันภัยให้กับผู้เข้าร่วมงานเตรียมพบกัน วันที่ 8-10 กันยายน นี้ ณ ฮอลล์ 7 อิมแพคเมืองทองธานี หรือทางออนไลน์ที่ www.TIF2023.com

สำหรับการจัดงาน Thailand Insurtech Fair 2023 ในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความตั้งใจของสำนักงาน คปภ. และศูนย์ CIT ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขับเคลื่อนระบบประกันภัยไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิดใหม่ InsurTech for Sustainability ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในธุรกิจประกันภัย เช่น การออกกรมธรรม์ประกันภัยในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ  e-Policy เพื่อลดการใช้กระดาษ การนำ AI มาใช้ในการจัดการสินไหมทดแทน รวมถึงการส่งเสริมให้บริษัทประกันภัยมีพัฒนาการทางด้านความยั่งยืนตามหลัก ESG อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ได้ต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้ แค่เริ่มต้นไตรมาสแรกของปี 2566 ธุรกิจประกันภัยเติบโตสูงถึงร้อยละ 4.81 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มากทีเดียว แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวและความเข้าใจเรื่องการบริหารจัดการความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมากขึ้น นอกจากนี้ อีกเทรนด์หนึ่งที่น่าสนใจ คือ การที่บริษัทประกันภัยและ InsurTech มีการจับมือร่วมกัน พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน TechStartup รายใหม่ที่เข้ามาในตลาดประกันภัย ทำให้ได้นวัตกรรมใหม่ๆ อาทิ Digital Platform, E-commerce Application, Database เชิงลึก ฯลฯ ทำให้ทราบถึงพฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ทำให้สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยและวิธีการสื่อสารที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า “เรามุ่งหวังให้วงการประกันภัยไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ในระยะยาวผ่านการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันทันสมัยมาใช้ให้เกิดประโยชน์ สนับสนุนให้ประชาชนเข้าใจและเข้าถึงการประกันภัย โดยในส่วนของบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมงาน ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เรียนรู้เทคโนโลยี Insurtech
ที่ทันสมัยจากหลากหลายสตาร์ทอัพที่จะมานำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และช่วยให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ และเป็นโอกาสอันดีในการเจรจาธุรกิจระหว่างกัน ส่วนในฝั่งผู้บริโภค เราเตรียมจัดกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้ และให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่น่าสนใจ เพื่อให้ตรงกับความต้องการและความสนใจของผู้บริโภค ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ที่กำลังวางแผนซื้อประกันภัยสำหรับตนเอง และครอบครัว รวมถึงเลือกการประกันภัยสำหรับธุรกิจอุตสาหกรรม ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้มาเที่ยวชมภายในงานนี้”

คุณสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย  กล่าวว่า “ตนมองว่าปัจจุบันนี้ผู้บริโภคทุก Gen ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงผ่านประกันชีวิตและสุขภาพ มองเห็นประโยชน์ของการทำประกันมากขึ้น และมองหาแพคเกจประกันภัยที่มีความเฉพาะเจาะจงเหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิต (Personalized) ซึ่งแต่ละบริษัทมีการปรับตัว พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงความต้องการ การทำประกันกลายเป็นกระเป๋าสตางค์อีกใบเพื่อนำมาใช้ตามแผนที่ผู้ซื้อวางแผนไว้ไม่ว่าจะเป็น แผนเกษียณ แผนเงินเก็บ แผนสุขภาพ ฯลฯ  บริษัทประกันภัยจึงต้องมีการวางแผนให้ตอบโจทย์ความยั่งยืน เช่น มีการนำเบี้ยไปลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน ช่วยสนับสนุนเรื่องความยั่งยืนทั้งในมุมของผู้บริโภคและสังคม”

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย  กล่าวว่า “เทคโนโลยีทำให้เราหยิบอนาคตมาไว้ตรงหน้า ในอดีตกว่าจะเข้าถึงผู้บริโภคได้หลักแสนหลักล้านต้องใช้ระยะเวลาหลายปี แต่ในช่วง Covid-19 ผู้บริโภคซื้อประกันสุขภาพกว่า 10 ล้านคนในเวลาไม่นาน แสดงให้เห็นว่าคนไทยคุ้นเคยกับเทคโนโลยีอย่างมาก ซึ่งตนมองว่าในอนาคตผลิตภัณฑ์ประกันภัย จะไม่ใช่แบบ Stand Alone อีกต่อไป แต่จะกลายเป็น Service & Product ที่แฝงอยู่ในการใช้ชีวิต และจะถูกพัฒนาในรูปแบบของการเป็นที่ปรึกษาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้กับคนทั้งระบบ เทคโนโลยีที่เราเคยมองว่าเป็นการ Disrupt จะกลายเป็นสิ่งที่สร้างประสิทธิภาพให้บริษัทประกันภัย”

คุณประภาพร ลิขสิทธิ์ นายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน กล่าวว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าไปเร็วมาก สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตัวแทนประกันชีวิตจะต้องพัฒนาตนเองและนำเทคโนโลยีมาปรับใช้สร้างความสะดวกสบายให้ลูกค้า เรียกว่าเป็นการ Stop Selling, Start Advice สำหรับงาน TIF2023 จะดีต่อทั้งผู้บริโภคและคนกลางประกันภัย เพราะจะช่วยในการเสริมวิสัยทัศน์และเท่าทันวิกฤต จึงอยากเชิญชวนทุกคนให้มาร่วมงานนี้  เชื่อว่าผู้ที่มาร่วมงานจะได้แพคเกจประกันภัยที่เหมาะสมตอบโจทย์ตนเองอย่างแน่นอน”

คุณจิตวุฒิ ศศิบุตร นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย กล่าวว่า “ธุรกิจนายหน้าประกันภัยมองเรื่องความยั่งยืนและเคียงข้างผู้บริโภคเป็นหลัก นายหน้าประกันภัยหลายคนมีการเพิ่ม Value Added ให้ผู้บริโภคมากขึ้น มอบผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์ความสนใจของคนหลากหลายกลุ่ม การมาร่วมงาน TIF2023 ที่จะเกิดขึ้นในวันที่
8-10 กันยายนนี้ จะทำให้ผู้บริโภคได้มาเลือกดูแพคเกจที่เหมาะสมกับตัวเองได้ภายในครั้งเดียว มีการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ประกันภัย การได้ข้อมูลที่หลากหลาย พร้อมด้วยโปรโมชั่นที่ดึงดูด ทำให้เห็นนวัตกรรมของโบรคเกอร์หลายรายที่น่าสนใจ เรียกว่าเป็นงานมหกรรมเทคโนโลยีประกันภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และสมบูรณ์ที่สุดในระดับภูมิภาคอาเซียน”

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon