ไทยพาณิชย์ ตอบรับนักลงทุน ลุยเปิดกองทุน SCBDSHARC1YJ

14

มิติหุ้น  –  นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มผ่อนคลายการดำเนินนโยบายด้านการเงินมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจโลกเริ่มผ่อนคลายความตึงเครียดจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง มี Sentiment การลงทุนปรับตัวดีขึ้น ทำให้ทิศทางเงินทุนมีโอกาสไหลกลับเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) หนึ่งในนั้นคือตลาดหุ้นจีน ที่อยู่ในช่วงฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจีนยังต้องใช้ระยะเวลา และตลาดหุ้นจีนอาจยังเกิดความผันผวนระหว่างทางได้ SCBAM มองว่าที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงมาค่อนข้างมากแล้ว ความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงต่อแบบรุนแรงในระยะ 12 เดือนข้างหน้าจึงค่อนข้างมีจำกัด ดังนั้น การลงทุนกับตลาดหุ้นจีนขนาดใหญ่อย่างตลาดหุ้น H-Shares หรือ Hang Seng China Enterprises (HSCEI Index) จึงยังมีความน่าสนใจ ประกอบกับที่ SCBAM ได้นำเสนอกลยุทธ์การลงทุนที่ช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุนเงินต้นและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการปรับตัวของดัชนีทั้งในจังหวะขาขึ้นและขาลงในช่วงก่อนหน้า ได้รับเสียงตอบรับจากผู้ลงทุนอย่างมาก SCBAM จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Double Structured Complex Return 1YJ หรือ SCBDSHARC1YJ ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีและสัญญาออปชั่นที่อ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี Hang Seng China Enterprises หรือ HSCEI Index ต่อเนื่อง โดยเสนอขายระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 5 เมษายน 2567 เริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Double Structured Complex Return 1YJ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ SCBDSHARC1YJ กองทุน Complex Fund อายุ ปี ที่มีนโยบายการลงทุนแบ่งเป็น ส่วน คือ (1ลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากระดับ Investment Grade ทั้งในและต่างประเทศ ในสัดส่วนร้อยละ 98.30 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) ทำให้มีความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ (default risk) ในระดับต่ำ จึงเป็นการลงทุนที่ช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุนเงินต้นพร้อมมีโอกาสรับผลตอบแทนคงที่จากตราสารหนี้ที่เข้าไปลงทุนได้ (2ลงทุนในสัญญาออปชั่นที่อ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี Hang Seng China Enterprises หรือ HSCEI Index ร้อยละ 1.70 ของ NAV เพื่อหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการเปลี่ยนแปลงของราคาดัชนี HSCEI ทั้งขาขึ้นและขาลงที่ไม่เกินกรอบการพิจารณาการรับผลตอบแทน +/- 27% (Knock out level) โดยจะมี Strike Level ที่ +/-5% ประกอบการพิจารณาในผลตอบแทนส่วนที่ นี้(*) เมื่อเทียบกับราคาสินทรัพย์ ณ วันเริ่มต้นสัญญา ก็จะทำให้มีโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มสูงสุดที่เป็นไปได้ที่ 11% ซึ่งหากราคาดัชนีอ้างอิงเปลี่ยนแปลงเกินกว่า Knock out level ที่กำหนดไว้ระหว่างอายุสัญญา หรือเปลี่ยนแปลงไม่เกินกว่า Strike level ณ วันพิจารณาสัญญา อาจทำให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่มนี้ แต่ยังคงได้รับผลตอบแทนในอัตราคงที่จากการลงทุนในส่วนของตราสารหนี้และเงินฝาก

นางนันท์มนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากที่จีนออกมาตรการภาครัฐเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคและเสริมแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้ GDP ของจีนในไตรมาส 4/66 และตลอดทั้งปี 2566  สามารถเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5.2% yoy ใกล้เคียงเป้าหมายที่ทางรัฐตั้งไว้ที่ 5% โดยในปีนี้ จีนยังคงเป้าหมายการเติบโต GDP อยู่ที่ 5% เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ท่ามกลางแรงกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาวและระยะสั้น ทั้งนี้ จากตัวเลขดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจีนที่ปรับตัวเชิงบวก ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้น แต่ยังมีมูลค่าตลาดยังอยู่ระดับไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น อีกทั้ง นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อหุ้นจีนอีกครั้ง  อย่างไรก็ดี เส้นทางการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในระยะถัดไป ยังต้องติดตามอย่างต่อเนื่องว่าจะฟื้นตัวแบบมีคุณภาพตามแผนนโยบายและเป้าหมายที่ภาครัฐตั้งไว้ได้หรือไม่ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นจีนอาจอยู่ในสภาวะ Sideway อีกซักระยะ ดังนั้น การลงทุนที่ทำให้มีโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มของการปรับตัวดัชนีตลาดหุ้นจีนทั้งในขาขึ้นและขาลงแบบ Twin-win จึงเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์กับนักลงทุนอย่างมากในช่วงนี้”

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon