มิติหุ้น – นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP เปิดเผยว่าบริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้า และให้บริการทำการตลาดแบบตรง (Direct Marketing) ผ่านช่องทางการขายสินค้าทางโทรศัพท์ (Telesales) ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ความสวยงาม และสินค้าเวชสำอางแบบครบวงจร ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง (House Brand) และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คู่ค้าพันธมิตรผ่านช่องทางการขายของบริษัทมามากกว่า 10 ปี ด้วยพนักงานขายสินค้าทางโทรศัพท์ (Telesales)
จุดเด่นของ NCP คือการเป็น Telesale ที่สามารถตอบโจทย์ในทุกธุรกิจที่ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจเป็นรูปแบบซื้อขายสินค้าและบริการผ่านอินเทอร์เน็ต (E-Commerce) มากขึ้น และมีทีมมืออาชีพในการช่วยเหลือพาร์ทเนอร์กระตุ้นยอดขายเพื่อช่วยให้ยอดขายมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง NCP จึงเปรียบเสมือนเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย ที่เข้าไปสนับสนุน Digital Transformation เพื่อให้การดำเนินธุรกิจและการให้บริการลูกค้าเหมาะสมในยุคดิจิทัล ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ E-Commerce มีผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีมากขึ้นอย่างตรงจุด และยกระดับการให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร ช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ หรือใช้บริการครั้งต่อ ๆ ไปในอนาคต สอดรับเทรนด์ธุรกิจ E-Commerce ที่มีการเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ NCP มีฐานข้อมูลลูกค้าเป้าหมายของบริษัทมากกว่า 5 ล้านรายชื่อ โดยบริษัทมีคู่ค้าพันธมิตรที่ขายสินค้าผ่านช่องทางการขายของบริษัทฯ มากกว่า 67 ราย มีผลิตภัณฑ์สินค้าที่จัดจำหน่ายมากกว่า 90 แบรนด์ 446 รายการ แบ่งกลุ่มสินค้าหลัก เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ 2) กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อความงาม และ 3) กลุ่มสินค้าเวชสำอาง นอกจากนี้ยังได้พัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเอง (House Brand) ภายใต้แบรนด์สินค้า “BN” ที่มีสินค้าออกจำหน่ายแล้ว 21ผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่วงที่ผ่านมามีหลายองค์กรได้นำ Digital transformation มาปรับใช้ในด้านต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจซื้อขายสินค้าและบริการผ่านอินเทอร์เน็ต (E-Commerce) ที่มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูล กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ระบุว่าปัจจุบันมีธุรกิจ E-Commerce เปิดกิจการทั้งสิ้น 7,393 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 43,704.22 ล้านบาท และคาดว่า ธุรกิจ E-Commerce ปี 2567 จะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 6.94 แสนล้านบาท จากปี 2566 ที่มีมูลค่าตลาด 6.34 แสนล้านบาท และในปี 2568 มูลค่าตลาดจะเพิ่มสูงสูงถึง 7.50 แสนล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง และการเปิดใจรับเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น
โดย NCP สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ตั้งแต่การบริหารจัดการระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management) หรือ CRM จัดเก็บข้อมูลลูกค้าสำหรับกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจ SME ธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C อย่างเป็นระบบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขายสินค้าทางโทรศัพท์ (Telesales) ทั้งแบบเชิงรุก (Outbound Telemarketing) และเชิงรับ (Inbound Telemarketing) ขณะเดียวกันบริษัทยังให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักกฎหมาย พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเข้มงวดตามมาตรฐานสากล โดยพนักงานขายทางโทรศัพท์ (Telesales) จะถูกฝึกอบรมขั้นตอนการปฎิบัติตามกฎหมายเป็นอย่างดี พร้อมทั้งมีทีมตรวจสอบการทำงานอย่างครอบคลุม เพื่อให้มั่นใจว่าทุกการสนทนาถูกต้องตามกฎหมายและตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มลูกค้าในมิติต่างๆ การออกแบบแผนธุรกิจให้บริการขายสินค้าทางโทรศัพท์ (Telesales) และการบริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง (Fulfillment) ด้วยการให้บริการรับฝาก เก็บ แพ็ค ส่ง รวมไว้ในที่เดียวอย่างครบวงจร
“NCP มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง และพัฒนาธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง พร้อมมุ่งสู่การเป็น Digital Transformation Power ที่เปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจคู่ค้า ภายใต้ทีมผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ มีความเชี่ยวชาญ และมากประสบการณ์ในอุตสาหกรรม พร้อมทีม Telesales ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ ซึ่งเป็นเสมือน “จิ๊กซอว์สุดท้าย” ของธุรกิจยุคดิจิทัล ที่ช่วยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันให้องค์กรคู่ค้า และสร้างความสำเร็จให้กับผู้ประกอบการ E-Commerce ทุกระดับ ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจขายสินค้าทางโทรศัพท์ (Telesales) ของประเทศ” นายศรัณย์ กล่าว
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon