IVL ดันEBITDAโต25% โบรกฯให้เป้า70บ.

219

มิติหุ้น – IVL ปี 61 ตั้งเป้า EBITDA โต 25% ดันกำลังการผลิตเพิ่ม 16-17% อุตสาหกรรมโพลีเอสเตอร์ฟื้นตัว หนุนผลงานสดใส ขณะที่คู่แข่งในสหรัฐฯ เริ่มหาย โอกาสได้ฐานลูกค้าเพิ่ม โบรกฯ แนะนำ “ซื้อ เคาะราคาเป้าหมาย 70 บาท

 

          ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส หรือ IVL โดยแหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมโพลีเอสเตอร์ เปิดเผยว่า IVL ตั้งเป้า EBITDA ปี 2561 เติบโต 25% เมื่อเทียบปีก่อน ขณะที่ภาพรวมกำลังการผลิต คาดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 16-17% จากปีก่อนที่ 9.1 ล้านตัน

ตั้งเป้า EBITDA โต 25%

นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการเดินเครื่องโรงงาน U.S. Gas Cracker เต็มปี ซึ่งจะเดินเครื่อง ก.ค.61 รวมถึงการขยายกำลังการผลิต PTA ในเนเธอร์แลนด์เป็น 7 แสนตันต่อปี และขยายกำลังการผลิต HVA Fibers ในจีน

สำหรับงบลงทุนช่วง 2 ปี บริษัทตั้งไว้ที่ 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการซื้อกิจการใหม่และขยายกำลังการผลิต

ด้านนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการนักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมโพลีเอสเตอร์ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากรัฐบาลจีนมีมาตรการห้ามใช้พลาสติกรีไซเคิล ส่งผลให้ความต้องการใช้เม็ดพลาสติกใหม่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมาตรการทางภาษีในหลายประเทศ ทั้งในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ช่วยหนุนการส่งออกของ ILV ที่มีฐานการผลิตในทุกภูมิภาคทั่วโลก

คู่แข่งในสหรัฐฯ ลดน้อยลง

ส่วนสเปรดราคา PET ในช่วงไตรมาส1/2561 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะเดียวกัน คู่แข่งขันในสหรัฐฯ ประสบปัญหาด้านกำลังการผลิต บางรายล้มละราย จึงเป็นโอกาสของ IVL ที่จะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ IVL คาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม หรือ EBITDA จะเพิ่มขึ้น 45% ใน 2 ปีข้างหน้า อีกทั้งยังสามารถจัดหาเงินลงทุนเพิ่มเติมได้อีก 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลงทุนสร้างการเติบโตในระยะยาว

ชี้กำไรโตดี – เป้าซื้อ 70 บาท

โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส1/2561 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 4/2560 ที่มีกำไรสุทธิ 10,003 ล้านบาท เนื่องจากโรงงาน PTA ในแคนาดา และโรงงาน PX ในสหรัฐฯ ที่หยุดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาส 4/2560 เริ่มกลับมาเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยหนุนปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 1/2561 และจะเป็นปัจจัยหนุนต่อเนื่องถึงไตรมาส 2/2561 ตามปัจจัยฤดูกาลใช้ PET เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน

ส่วนภาพรวมผลประกอบการปี 2561 คาดกำไรสุทธิจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 24% เทียบปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 20,882 ล้านบาท โดยฝ่ายวิจัยฯ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 70 บาท

www.mitihoon.com