ผู้ถือหุ้น PDI ไฟเขียวจ่ายปันผล 1.50  บาท/หุ้น

232

มิติหุ้น-ผู้ถือหุ้น PDI ไฟเขียวจ่ายปันผล 1.50  บาท/หุ้น  และออกวอแรนต์ 75.33 ล้านหน่วย จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมโดยไม่คิดมูลค่า พร้อมเพิ่มทุน 75.33 ล้านหุ้นรองรับการใช้สิทธิ คาดผลประกอบการปี 2561 มีแนวโน้มที่ดี เร่งขยายการลงทุนต่อเนื่อง

นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (PDI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการประจำปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิน 339 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลและกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม  2561

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังอนุมัติออกเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ  (วอร์แรนต์) ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ  ครั้งที่ 1 (PDI-W1)  จำนวน 75,333,333 หน่วย  ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตรา 3 หุ้น ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า  โดยราคาใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมเท่ากับ 33 บาทต่อหุ้นและมี อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2561 จนถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2564)

บริษัทจะเพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 2,260,000,000 บาท เป็น 3,013,333,330 บาท  โดยออกหุ้นสามัญ จำนวน 75,333,333 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท รวมเป็นจำนวน 753,333,330 บาท  เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ  ครั้งที่ 1  (PDI-W1)  สำหรับการเพิ่มทุน ครั้งนี้จะส่งผลให้บริษัทฯ มีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่งและมั่นคงมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายการลงทุนต่างๆ ในอนาคต รวมทั้งเสริมสร้างสภาพคล่องและความพร้อมทางด้านเงินทุนที่จะลงทุนในโครงการต่างๆ ที่มีศักยภาพ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์และผลกำไรต่อบริษัทฯ  ตลอดจนช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว

นายฟรานซิส  กล่าวต่อถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2561 ว่ารายได้และกำไรในปีนี้เชื่อว่าจะออกมาเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง  แต่คงจะไม่เทียบเท่ากับผลประกอบการในปี 2560  ซึ่งราคาโลหะสังกะสีโลกปรับตัวสูงและยังมีสต็อกโลหะสังกะสีต้นทุนต่ำเช่นในปีที่ผ่านมา  โดยในปีนี้บริษัทฯ มีรายได้และกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทนของกลุ่มพีดีไอ เอ็นเนอร์ยี ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่ดำเนินการผลิตทั้งในและต่างประเทศแล้วทั้งสิ้น 50  เมกะวัตต์   โดยมีเป้าหมายจะลงทุนขยายกำลังการผลิตให้ได้อีก 100  เมกะวัตต์ภายในปีนี้

ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ยุติธุรกิจสังกะสีในกระบวนการผลิตแบบเดิมไปเป็นที่เรียบร้อย และปรับสู่ธุรกิจการค้าโลหะสังกะสีแบบเต็มตัวในปีนี้  และมั่นใจว่า การจำหน่ายโลหะสังกะสีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่จำนวน 50,000 ตันต่อปี

อนึ่ง ผลประกอบการในปี 2560 บริษัทฯ มีกำไรสูงสุดในรอบ 10 ปีและยังเป็นอันดับสามในรอบ 33 ปีของบริษัทฯ  โดยมีผลกำไรสุทธิจำนวน 905  ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 89 จากช่วงเดียวกันของปี  255