ยัง Sideway Down รอสร้างฐานค่อยเข้าซื้อ

110

ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีการปรับฐานแรงมีจังหวะหลุด 1,600 จุด ภาพรวมในเชิง Technical เราประเมินเป็นแนวโน้ม Sideway Down ขณะเดียวกันในเชิงพื้นฐานแม้ Valuation จะลดความแพงลงมาบ้าง แต่ยัง “ไม่ถูก” ดังนั้น เราประเมินสัปดาห์นี้ยังมีแนวโน้มที่จะปรับลงสลับรีบาวด์ ในกรอบแนวรับ 1,580 จุด / แนวต้าน 1,655 – 1,665 จุด ในกรณีต่ำกว่าแนวรับ 1,580 จุด เราประเมินมีโอกาสทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1,550 จุด

Valuation ของ SET index ยังอยู่ในระดับที่ “ไม่ถูก” แม้ว่าจะลดความแพงลงมาบ้าง โดยหากอิงประมาณการ EPS ปี 2561 ที่ 108 บาท/หุ้น ที่ระดับ 1,630 จุด จะคิดเป็น PE 15.1 เท่า หรือ Earnings yield 6.63% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ยังทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงที่ 2.44% (เป็นการสะท้อนการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง) ทำให้ Earnings yield gap ล่าสุดอยู่ที่ 4.19% ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 4.45% (ตัวเลขนี้ คือส่วนต่างของผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นกับพันธบัตรรัฐบาล จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นส่วนชดเชยความเสี่ยง หรือ Risk premium นั่นเอง) ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่ภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มที่จะชะลอการเร่งตัวของ GDP จึงทำให้ Risk premium หรือส่วนชดเชยความเสี่ยงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นเราเชื่อว่าระดับ Earnings yield gap ที่เหมาะสมจึงควรที่จะสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ตลาดฯเป็นขาขึ้นมาตลอด ดังนั้นการที่ Earnings yield gap กลับเข้าไปใกล้ค่าเฉลี่ยในอดีตจึงอาจไม่เพียงพอกับสถานการณ์ตอนนี้ เราจึงประเมินว่า Valuation ของ SET index ยัง “ไม่ถูก” เพียงแค่ลดความแพงลงมาบ้างเท่านั้น

เมื่อ Valuation ของ SET index ไม่ถูก ข้อมูลข่าวสารด้านลบต่างๆ อาทิ สงครามการค้า, ความกังวลเศรษฐกิจจีน, ความผันผวนของค่าเงินตลาดเกิดใหม่ (Emerging markets), ความกังวลต่อการขาดดุลงบประมาณของอิตาลี เป็นต้น จึงถูกหยิบยกมาเป็นเหตุในการขายหุ้น อย่างไรก็ดีเราประเมินว่าราคาหุ้นปัจจุบันซึมซับข่าวลบต่างๆปพอสมควรแล้ว และตลาดรอข่าวดีที่คาดว่าจะมีเร็วๆนี้ คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน รวมถึงการเลือกตั้งทั่วไปของไทย ปี 2562 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯเริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัวลงแล้ว

เราแนะนำหาจังหวะตลาดย่อตัวที่แนวรับ เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นพื้นฐานดีกำไรเติบโต / มีสตอรี่การลงทุนที่ชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มที่ยัง Laggard กลุ่มที่น่าสนใจได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL, KTB), กลุ่มอาหาร (GFPT, TFG), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCCC), กลุ่มนิคมฯ (AMATA)

โดยสุโชติ ถิรวรรณรัตน์

ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)