กนง.ขยับดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.75% – หมดเวลานโยบายการเงินผ่อนคลาย

65

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 0.25% จากระดับ 1.50% ไปเป็น 1.75% โดยนายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ กนง. เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้เนื่องจากต้องการลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งเพื่อสร้างขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต โดยที่ผ่านมาได้มีการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัว แต่ปัจจุบันเห็นว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งพานโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากเหมือนในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ยังเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในระดับที่สอดคล้องกับศักยภาพ แม้การส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง และมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่วนการท่องเที่ยวชะลอลงโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน แต่เริ่มมีสัญญาณปรับดีขึ้น แรงส่งของอุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวตามรายได้ครัวเรือนนอกภาคเกษตรที่ปรับดีขึ้นและกระจายตัวมากขึ้น รวมทั้งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐเพิ่มเติม

สำหรับการลงทุนภาคเอกชน มีแนวโน้มขยายตัวตามการย้ายฐานการผลิตมายังไทย และโครงการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้เดิม จากความล่าช้าในการลงทุนของรัฐวิสาหกิจบางแห่ง ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปียังมีแนวโน้มทรงตัว แต่มีความเสี่ยงด้านต่ำจากความผันผวนของราคาพลังงานและราคาอาหารสด อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ที่ปรับสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง อาทิ ผลกระทบจากการขยายตัวของธุรกิจ e-commerce การแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้น รวมถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีที่ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้ช้ากว่าในอดีต

ขณะที่ภาวะการเงินที่ผ่านมา อยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ สภาพคล่องในระบบการเงินอยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ภาคเอกชนสามารถระดมทุนได้ต่อเนื่อง ซึ่งแม้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้น 0.25% ภาวะเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ด้านอัตราแลกเปลี่ยนยังมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับเงินสกุลภูมิภาค แต่ในระยะข้างหน้าอัตราแลกเปลี่ยนยังมีแนวโน้มผันผวน

ในส่วนของระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจจะสร้างความเปราะบางให้เสถียรภาพระบบการเงินได้ในอนาคต โดยเฉพาะพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield) ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานาน ซึ่งอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร (underpricing of risks) คณะกรรมการฯ เห็นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ จะช่วยลดการสะสมความเปราะบางในระบบการเงิน ควบคู่กับการดูแลเสถียรภาพระบบกาเรงินที่ได้ดำเนินการไป

www.mitihoon.com