บล.กสิกรไทยชี้ตลาดหุ้นไทยมีดาวน์ไซด์จำกัด ชี้เป้า CPF – BBL – CK โดดเด่น

96

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด หรือ KS โดยนายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยลบกดดันอยู่บ้าง แต่มีโอกาสปรับตัวลดลงค่อนข้างจำกัด โดยทาง KS ประเมินเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยระยะ 12 เดือนล่วงหน้าอยู่ที่ระดับ 1,725 จุด ซึ่งลดลงจากเดิมที่มองเป้าหมายไว้ที่ 1,750 จุด แต่คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวระยะสั้นในกรอบ 1,590-1,680 จุด เนื่องจากคาดว่าการเจรจายุติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะได้ข้อตกลงในการประชุม G20 และมีโอกาสไม่มากที่สหรัฐจะบังคับใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีกับจีน

ส่วนประเด็นการเมืองของไทยคาดว่าจะสามารถเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ และคาดว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน โดยเฉพาะในเรื่องการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลยังคงมีงบประมาณอีกราว 1.5-2 แสนล้านบาท ในการอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ รวมถึงการเดินหน้าลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ โดยเฉพาะโครงการของกระทรวงคมนาคมที่มีมูลค่าโครงการค่อนข้างสูง และน่าจะทยอยเปิดประมูลได้ในช่วงครึ่งปีหลัง

ด้านนายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปี 62 ทางฝ่ายวิจัยได้ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีลงมาเหลือเติบโตเพียง 3.4% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 3.8% ซึ่งเป็นกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่ส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยมีการเติบโตลดลง โดยคาดว่าตัวเลขการส่งออกในปี 62 จะเติบโตเพียง 2.3% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 4%

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของดัชนีตลาดหุ้นไทยถือว่ามีดาวน์ไซด์ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาพบว่านักลงทุนรายย่อยมีการเทขายหุ้นออกมาพอสมควร ขณะที่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะเริ่มเข้ามาทยอยซื้อในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากระดับดัชนีหุ้นในปัจจุบันถือว่าค่อนข้างต่ำและมีอัพไซด์ รวมทั้งค่าเงินบาทถือว่าเป็นสกุลเงินที่มีเสถียรภาพพอสมควร ซึ่งน่าจะเป็นจุดดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติในรอบนี้

สำหรับหุ้นที่มองว่ามีความน่าสนใจในการลงทุนคือหุ้นกลุ่มพาณิชย์ เช่น CPALL, HMPRO เพราะได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล หุ้นกลุ่มสินค้าเกษตร เช่น CPF รับอานิสงค์จากราคาหมูที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร(AFS) ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในประเทศเวียดนามมีการเชือดหมูก่อนหำหนด ซึ่งกดดันราคาหมูในตลาดโลก และคาดว่าซับพลายในช่วงครึ่งปีหลังจะลดน้อยลง

ในส่วนของหุ้นกลุ่มธนาคาร มองว่า BBL มีความน่าสนใจ เนื่องจากราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก และซื้อขายอยู่ที่เพียง 0.89 เท่า P/BV ขณะที่กำไรสุทธิในปี 62 คาดว่าจะเติบโต 12% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ขณะที่หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างนั้นจะได้ประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่า CK และ STEC มีความน่าสนใจในเรื่องของโอกาสที่จะได้งานใหม่เข้ามาเพิ่มเติม โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสีส้มที่มองว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจและจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างดี

www.mitihoon.com