TASCO เด้งรับรัฐไฟเขียวเบิกจ่ายงบ หนุนดีมานด์พุ่ง-เป้า 26 บ. (13/01/63)

434

มิติหุ้น – TASCO โตฉลุยรับปีหนูทอง หลังภาครัฐไฟเขียวเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ได้ โบรกฯ เชื่อดีมานด์ยอดขายและกำไรสุทธิทั้งปีจะออกมาดี แนะนำ “ซื้อ” ให้เป้า 26 บาท ฟากผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายยางมะตอยปี 63 โตทะลุ 2.2 ล้านตัน  

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ หรือ TASCO โดย นักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ประเมินธุรกิจ TASCO คาดการณ์ปี 63 เป็นปีที่ดีของ TASCO เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะไม่มีช่วงเวลาที่เป็น Low Season ของการขายทั้งในและต่างประเทศ เพราะทุกประเทศพร้อมจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการก่อสร้าง ขณะที่ในประเทศการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 ได้ งานเดิน หลังจากเดือน ก.พ.63 เป็นต้นไปคาดว่าภาคธุรกิจก่อสร้าง การซ่อมสร้างถนนจะกลับมามีงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยาวไปจนจบปีงบประมาณ 63

รับผลบวกรัฐเบิกจ่ายงบ
ทั้งนี้ มองว่าปี 63 งานภายในประเทศจะไม่มีภาวะ Low Season อีกแล้ว คาดว่ายอดขายและกำไรสุทธิของ TASCO จะออกมาดี ประกอบกับคาดว่าปริมาณขายในปี 63 เพิ่มได้เป็น 2.1 ล้านตัน ส่วนของยอดขายในต่างประเทศคาดว่ากลับมาดีมาก ซึ่งประเมินว่า TASCO จะได้ประโยชน์จากการใช้งบภาครัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน รายได้หลักของ TASCO นอกจากในประเทศไทย แล้วก็ยังมาจากต่างประเทศคือ จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย และออสเตรเลีย อีกด้วย  ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท
นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) คาดว่าราคาหุ้น TASCO มีโอกาสรีบาวด์ในระยะสั้น จากภาครัฐบาลจะเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ เพราะมีระยะเวลาใช้งบฯ อีกเพียง 8 เดือนเท่านั้น ซึ่งคาดว่าส่วนนี้จะเป็นบวกกับ TASCO ด้วย ขณะเดียวกันยังได้ประโยชน์จาก IMO 2020 ซึ่งเป็นบวกกับ TASCO ที่จะมีต้นทุนที่ต่ำลง ขณะที่อุปสงค์ยังแข็งแกร่งในต่างประเทศ ส่วนความกังวลเรื่องต้นทุนลดลง และสถานการณ์ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านที่ผ่อนคลาย ทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลง ยังผลให้ความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนวัตถุดิบของ TASCO ก็ลดลงไปด้วย

เป้ายอดขาย 2.2 ล้านตัน
นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TASCO กล่าวว่า บริษัทคาดปริมาณขายยางมะตอยปี 63 จะเติบโตเป็นไม่ต่ำกว่า 2.2 ล้านตัน จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 2.2 ล้านตัน โดยการเติบโตของปริมาณขายจะมาจากความต้องการใช้ยางมะตอยที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ตลาดต่างประเทศยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะตลาดจีน ,อินโดนีเซีย ,มาเลเซีย ,ออสเตรเลีย และเวียดนาม ซึ่งบริษัทเตรียมเปิดคลังยางมะตอยเพิ่มเติมในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น และยังช่วยเพิ่มยอดขายในเอเชียตะวันออกให้มากขึ้นด้วย
พร้อมกันนี้บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้จากในประเทศจะเพิ่มขึ้นมาที่ 25% จาก 20% ในปัจจุบัน ส่วนรายได้จากต่างประเทศจะอยู่ที่ 75% จาก 80% ในปัจจุบัน

www.mitihoon.com