ปัจจัยหนุนการบริโภค ดันหุ้นกลาง-เล็ก น่าลงทุน

123

ทิศทางตลาดสัปดาห์นี้ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา  แรงซื้อในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงที่ยังมีเข้ามาสลับกับแรงขายทำกำไร เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกจิที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามา  แต่แน่นอนว่ายังต้องติดตามปัจจัยต่างๆ เพราะอาจเปลี่ยนแปลงและมีผลต่อตลาดเงินตลาดทุน

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เห็นแรงขายของทองคำออกมาค่อนข้างมาก หลังจากปรับตัวขึ้นไปมาก อีกทั้งข่าวการผลิตวัคซีนของประเทศรัสเซีย ทำให้ตลาดเริ่มมีการปรับตัวให้เห็นบ้าง  ประเด็นที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ จะเห็นการปรับเปลี่ยนการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ (Asset rotation) อย่างไรบ้าง

นโยบายอัดฉีดเงินที่กำลังจะผ่านสภาสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยหนุนหุ้นที่ยังมีระดับราคาที่ถูก ซึ่งการอัดฉีดเงินดังกล่าวจะเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นหลัก ดังนั้นหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้  ขณะที่การเจรจาการค้ากับจีนที่เลื่อนออกไปยังไม่มีผลต่อตลาด แต่จะมาให้ความสนใจกับการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ในสัปดาห์นี้ หากตัวเลขเงินเฟ้อการฟื้นตัวใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด อาจจะทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยมีโอกาสปรับตัวลดลงได้

ส่วนประเทศไทย ตัวเลข จีดีพี ไตรมาส 2 ที่รายงานออกมาติดลบ -12.2% แม้จะดีกว่าที่คาดไว้ แต่ทำให้ตลาดหุ้นวันจันทร์มีการเคลื่อนไหวในทรงตัวและปิดทำการติดลบที่ระดับ  1,320 จุด – 6.14 จุด หรือ -0.46% โดยสภาพัฒน์ยังคาดการณ์ว่า จีดีพี ทั้งปีจะติดลบที่ -7.5%    

ขณะที่รายงานกำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 2 ของไทย เบื้องต้นที่รายงาน จำนวน 752 บริษัท อยู่ที่ 1.18 แสนล้านบาท ลดลง -45.6% YoY แต่สูงขึ้น 23.8% QoQ   โดย KTBTS SEC ประเมินกำไรไตรมาส 3 มีแนวโน้มจะทรงตัว หรืออาจดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2 ประมาณ 1.2-1.4 แสนล้านบาท  เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ดีขึ้น แม้การค้าระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้น แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังเป็น ศูนย์

KTBST SEC มองว่า เศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือของปีอาจจะยังฟื้นตัวกลับมาได้ช้า และอาจมีผลทำให้การลงทุนในหุ้นไทยอาจจะต้องรอปัจจัยบวกหรือใช้กลยุทธ์ลงทุน ด้วยการเลือกลงทุนในกลุ่มที่ปัจจัยสนับสนุนการเติบโต  การจัดสินทรัพย์ลงทุนในช่วงสั้นนี้ ยังแนะนำหุ้นที่ได้ปัจจัยบวกตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Cyclical) โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางและเล็กในตลาดสหรัฐฯ และจีนที่ได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการภาครัฐและภาคการบริโภคในประเทศ  

นอกจากนี้ยังให้น้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป จากสถานการณ์การระบาดโควิดระลอก 2 ที่อยู่ในระดับต่ำ และรัฐบาลยังมีเครื่องมือในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้หุ้นกลุ่ม Cyclical จะได้ปัจจัยบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก  ส่วนการลงทุนในทองคำแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนอยู่ที่ 5% พอร์ต หลังจากตลาดสินทรัพย์เสี่ยงสหรัฐอเมริกาและดัชนีเงินดอลล่าร์เริ่มส่งสัญญาณกลับตัวขึ้นมาอีกครั้ง

โดยภาพรวมต้องบอกว่าสถานการณ์ตลาดมีทั้งปัจจัยบวกและลบสลับกันไป การระบาดของ COVID ในหลายประเทศยังเพิ่มขึ้นแม้สัญญาณบวกจากการได้วัคซีนและมาตรการเศรษฐกิจของรัฐบาล แนวโน้มตลาดในระยะนี้อาจจะเห็นดัชนีมีการปรับตัวขึ้นไป แต่ก็จะเกิดแรงขายออก ดังนั้นจะต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาว อาจต้องพิจารณาสถานการณ์และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ต่อเนื่องนะครับ    ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้”  https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php

คุณชาตรี  โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST SEC)

www.mitihoon.com