SFLEX ลุยสินค้าพรีเมี่ยมดันยอด ออเดอร์ล้น-กูรูอัพเป้า8บ.(16/04/64)

691

 

มิติหุ้น – SFLEX ฉายแววรายได้ปีนี้โตเฉิดฉาย 42-62% ออเดอร์ในมือล้น ลุยอัพกำลังผลิตเพิ่ม 30% รองรับบรรจุภัณฑ์พรีเมี่ยมและใช้ในการแพทย์ กูรูประสานเสียงแนะนำ “ซื้อ” อัพเป้าหมายใหม่เพิ่มเป็น 8 บาท เคาะกำไรไตรมาส 1/64 พุ่งกระฉูดต่อเนื่อง มองดีล M&A หากเกิดปีนี้ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีก ส่วนฐานเงินทุนแกร่ง สนับสนุนอนาคตโดดเด่น

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ หรือ SFLEX ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน สำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ประเภทม้วน และบรรจุภัณฑ์ประเภทซอง โดย “ฝ่ายวิจัย” บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ได้ปรับเพิ่มกำไรปี 65-66 ขึ้น 5-16% ทำให้กำไรโตเฉลี่ย 19.5% CAGR ใน 3 ปีข้างหน้า จากการขยายกำลังผลิต 30% รองรับบรรจุภัณฑ์พรีเมี่ยมและใช้ในการแพทย์ คาดเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 65

เคาะกำไร Q1/64 พุ่งกระฉูด

ส่วนกำไรไตรมาส 1/64 คาดโตต่อเนื่อง 2.3% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 18.4%  เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 41.2 ล้านบาท จากรายได้ที่ทำสถิติสูงสุดตามความต้องการของตลาดบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนและการขยายตลาดใหม่ แนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 8 บาท

กูรูประสานเสียง “ซื้อ” -มีดีลM&A  

บทวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ประมาณการกำไรสุทธิปี 64 อยู่ที่ 207 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.2% และปี 65 อยู่ที่ 264 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยประมาณการดังกล่าวไม่รวมการเติบโต Inorganic Growth หากมีโอกาส M&A ที่เหมาะสมทั้งในและต่างประเทศ  ทั้งนี้บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ปัจจุบันอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.08 เท่า อีกทั้งยังมี BOI อีกราว 300 ล้านบาท ที่สามารถทยอยใช้ 5 ปี ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 7.50-7.75 บาท

ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประมาณการกำไรปี 64 ไว้ที่ 204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.3% และยังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการที่คาดจะเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่อง จากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายเดิมที่สั่งออเดอร์เพิ่มต่อเนื่อง และลูกค้ารายใหม่ที่ได้มีการเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว และจะมีการรับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้ เช่น ซองเข็มฉีดยา (NIPRO), ถุงบรรจุข้าวสาร (CPF) เป็นต้น ประกอบกับการพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งจะมี GPM ที่สูงกว่าเดิม รวมทั้งคาดจะได้เห็นดีล M&A อย่างน้อย 2 ดีลในปีนี้ โดยเป็นดีลกับบริษัทกลุ่มสินค้าบริโภครายใหญ่ในประเทศ และอีกดีลเป็นดีลกับพันธมิตรในเวียดนามเปิดทางสร้างรายได้ในต่างประเทศ คาดจะได้เห็นอย่างเร็วในไตรมาส 2/264 นี้ จึงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 7.75 บาท

www.mitihoon.com