UWC เปลี่ยนชื่อใหม่ “สกาย ทาวเวอร์” พร้อมก้าวสู่นิว S-Curve

733


มิติหุ้น-นายธีรชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ทาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STOWER  เปิดเผยว่า ตามที่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ได้มีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท จากเดิม “เอื้อวิทยา” ไปเป็น “สกาย ทาวเวอร์” รวมถึงเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์ จากเดิม UWC เป็น STOWER”  (เอสทาวเวอร์) โดยบริษัทจะใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่ในการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 นี้เป็นต้นไป

การเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทในครั้งนี้ เป็นการสะท้อนถึงการปรับตัวให้ทันกับโลกยุคใหม่ และเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ ทั้งการพัฒนาภายในองค์กร การปรับโครงสร้างทางการเงิน และการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ที่ต่อยอดมาจากประสบการณ์กว่า 54 ปี ในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและโทรคมนาคม อีกทั้งเป็นการยกระดับการดำเนินธุรกิจไปสู่ความเป็นสากลอย่างเต็มรูปแบบ โดยปัจจุบันบริษัทมีบริษัทย่อยในประเทศสิงคโปร์ ภายใต้ชื่อ Ultra Asia Singapore Pte. Ltd. และ SkyTowers Infra Inc. ในประเทศฟิลิปปินส์

STOWER (เอสทาวเวอร์) เป็นชื่อย่อหลักทรัพย์ ที่สะท้อน S-Curve ใหม่ ซึ่งบริษัทกำลังก้าวเข้าสู่เฟสใหม่ของวงจรธุรกิจ เพื่อสร้างความเติบโตให้ได้อย่างต่อเนื่อง 5 ปีจากนี้  ทั้งนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการสร้างรายได้จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในปัจจุบันและอนาคต  ซึ่งเป็น MEGA TREND ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ

เทคโนโลยีสมัยใหม่และการสื่อสาร  ทั้งนี้บริษัทได้เริ่มเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเทเลคอมในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นโอกาสธุรกิจจากความต้องการของประชากรกว่า 110 ล้านคน และเม็ดเงินลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ในธุรกิจเทเลคอม รวมถึงการสนับสนุนในระดับนโยบายของรัฐบาลฟิลิปปินส์

บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตใน S-Curve ใหม่นี้ได้ โดยมีการกำหนดกลยุทธ์ “3 S” คือ Speed  Smart และ Synergy  เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายดังกล่าวและมีความสำเร็จอย่างยั่งยืน (Sustainable Success)  ซึ่งจะสร้างให้ STOWER มีความมั่นคงได้ในระยะยาว   ทั้งนี้ ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นในปีหน้า เศรษฐกิจในหลายประเทศจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและความต้องการของคนจำนวนมาก ที่รวมถึงความต้องการใช้ไฟฟ้าและการสื่อสาร อันจะทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยหลายด้าน รวมถึง Internet of Things และปัญญาประดิษฐ์ (AI)  ซึ่งจะทำให้การใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารเพิ่มขึ้นในทุกมิติ

https://lin.ee/cXAf0Dp