วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

110

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังสหภาพยุโรปผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย

– ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากการที่สหภาพยุโรปประกาศผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย หลังรัสเซียขู่ว่าจะไม่จัดหาน้ำมันดิบให้กับประเทศที่จำกัดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย และจะเปลี่ยนเส้นทางไปยังประเทศที่พร้อมจะร่วมมือกับรัสเซียแทน ส่งผลให้บริษัท Rosneft และ Gazprom ของรัสเซียสามารถจัดส่งน้ำมันไปยังประเทศที่สามได้ภายใต้การปรับมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปที่ตกลงกันโดยประเทศสมาชิกในสัปดาห์นี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางพลังงานทั่วโลก

– ราคายังได้รับแรงกดดัน จากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.5 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 26 เดือน จากระดับ 52.3 ในเดือนมิ.ย. ในขณะที่ค่าดัชนี PMI ของยุโรป ก็ปรับลดลงเช่นเดียวกัน มาอยู่ที่ระดับ 49.4 ในเดือนก.ค. จากระดับ 52.0 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ว่าจะลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 51.0 เป็นการบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯ และยุโรปหดตัวลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่ออุปสงค์และราคาน้ำมันดิบ

– สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานกำลังการผลิตของโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 321,000 บาร์เรลต่อวัน โดยลดลง 1.2% ทำให้กำลังการผลิตโดยรวมของโรงกลั่นในสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 93.7%

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์น้ำมันเบนซินในภูมิภาคที่ปรับลดลงโดยเฉพาะที่อินโดนีเซีย อีกทั้งการส่งออกน้ำมันเบนซินจากเกาหลีใต้ที่เพิ่มสูงขึ้น

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้น 5.92% แตะระดับ 8.07 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้การนำเข้าน้ำมันดีเซลของเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและมาเลเซีย ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp