ศาลฎีการับคำร้องกรุ๊ปลีส ในคดี เรียกค่าเสียหาย 685 ล้านบาทจาก JTA

292

มิติหุ้น – บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ศาลฎีกาได้รับพิจารณาคดีที่บริษัทเรียกร้องค่าเสียหายจาก บริษัท เจทรัสต์ เอเชีย พีทีอี จำกัด (JTA) เป็นจำนวน 685 ล้านบาท จากกรณีที่ JTA มีเจตนาที่ไม่สุจริตในการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) ในประเทศไทย

 นายทัตซึยะ โคโนชิตะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ถือเป็นข่าวดีสำหรับบริษัท อย่างที่ทราบกันดีว่าโดยทั่วไปว่าปกติศาลฎีกาจะปฏิเสธไม่รับคำร้องฎีกาเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าศาลฎีกา ได้ทบทวนคำร้องขอฎีกา (พร้อมคำฟ้องฎีกา) และได้มีคำสั่งอนุญาตให้ฎีกาคดีดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าศาลฎีกาเชื่อว่ามีประเด็นสำคัญที่ศาลฎีกาต้องการพิจารณาเพื่อวินิจฉัยให้มีคำพิพากษาถึงที่สุด ศาลฎีกาจึงต้องการจะพิจารณาคดีของบริษัทเสียก่อนหากต้องการพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ บริษัทจึงหวังว่าจะมีโอกาสอยู่บ้าง เพราะหากศาลฎีกาพิจารณาแล้วว่าข้อต่อสู้ของ JTA นั้นถูกต้อง ศาลฎีกา คงมีคำสั่งปฏิเสธไม่รับฎีกาของบริษัทและปล่อยให้คดีถึงที่สุดเช่นนั้น

 โดยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 ศาลแพ่งแห่งประเทศไทย ได้พิพากษาว่า JTA กระทำการไม่สุจริต โดยยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ บริษัท ในประเทศไทย ศาลยังพิพากษาว่าการกระทำดังกล่าวของ JTA ทำให้เกิดความเสียหายและได้มีคำสั่งให้ JTA จ่ายเงิน จำนวน 685 ล้านบาท รวมทั้งค่าทนายให้แก่บริษัท หลังจากที่มีคำพิพากษาดังกล่าว JTA ได้ยื่นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้ JTA เป็นฝ่ายชนะคดี โดย JTA ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินให้แก่บริษัท บริษัทเห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จึงได้ยื่นคำร้องขอฎีกาต่อศาลฎีกาเพื่อให้มีคำพิพากษาคดีถึงที่สุด

บริษัทยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะแจ้งข่าวให้ทราบว่า ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้ฎีกา และจะวินิจฉัยคดีของบริษัท ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายจาก JTA สำหรับการที่ JTA ได้ดำเนินคดีทั่วโลกอย่างไม่เป็นไปตามหลักกฎหมาย นอกจากนี้คำสั่งดังกล่าวของศาลฎีกายังส่งผลดีต่อคดีอื่นที่กำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาคดี รวมถึงคดีแพ่งคดีที่ 2 ที่บริษัทฟ้อง JTA เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนมากกว่า 9,130 ล้านบาท และคดีอาญาที่บริษัทฟ้อง JTA และกรรมการ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณา”

นายริกิ อิชิกามิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท แสดงความคิดเห็นว่า เดิมที บริษัทได้ดำเนินดคีแพ่งต่อ JTA เนื่องจาก JTA พยายามให้บริษัทเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการอย่างไม่เข้าหลักเกณฑ์ แม้จะเห็นได้ชัดเจนว่าบริษัทไม่ได้เข้าองค์ประกอบในเกณฑ์ที่จะต้องฟื้นฟูกิจการ ซึ่งในวันที่ 15 สิงหาคม 2562 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องที่ JTA ยื่นขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทเป็นครั้งที่สอง โดยศาลตัดสินให้มีคำสั่งยกคำร้อง เพราะพิจารณาปัจจัยสามประการ ดังนี้:

  1. จำนวนหนี้สิ้นของบริษัทที่มีต่อ JTA
  2. จำนวนทรัพย์สินของบริษัทเทียบกับหนี้สินของบริษัท
  3. ความสามารถของบริษัทในการดำเนินกิจการ

เมื่อพิจารณาจากปัจจัย 3 ประการดังกล่าวแล้ว ศาลจึงได้ตัดสินว่า จำนวนเงินที่ JTA เรียกร้องว่าบริษัทเป็นหนี้ JTA นั้น ยังไม่ถึงกำหนดชำระแน่นอน, บริษัทมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน จึงไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว และสุดท้าย บริษัทสามารถดำเนินกิจการได้ตามปกติ จึงมีคำสั่งยกคำร้องของ JTA

บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้ฎีกา และจะวินิจฉัยคดีของบริษัท บริษัทขอขอบคุณสำหรับความอดทนของผู้ถือหุ้นทุกท่านในช่วงเวลานี้ และบริษัทจะยังคงต่อสู้เพื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทต่อไป”

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp