วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

71

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มกว่า 4% หลังตลาดกังวลอุปทานตึงตัว หากรัสเซียปรับลดการส่งออกลง

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 4% จากความกังวลอุปทานตึงตัง หลังรัสเซียขู่จะหยุดการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรป หากมีการใช้มาตรการจำกัดราคานำเข้าพลังงานของรัสเซีย ขณะที่ ล่าสุดสหรัฐฯ เปิดเผยว่ามาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซียมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยอาจจะอ้างอิงราคาตลาดที่มีการหัก War Risk Premium ที่สูงขึ้น ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวยังไม่ได้มีข้อสรุปอย่างเป็นทางการ

+ ปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. หลังผู้ผลิตประสบปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบสำหรับสัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 9 ก.ย. ปรับลดลง 5 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 591 แท่น ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลง

– ตลาดยังคงกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกว่า 0.75% ขณะที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเช่นเดียวกันในการประชุมวันที่ 21-22 ก.ย. นี้ นอกจากนี้ สภาวะเศรษฐกิจยังได้รับแรงกดดันจากนโยบายการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดในจีนที่มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ ส่งผลกดดันต่อความต้องการใช้พลังงาน

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะจากอินโดนีเซีย

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากอุปทานในภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากเอเชียเหนือ

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp