BBL รายงานกำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนปี 2566 จำนวน 32,773 ล้านบาท

324

มิติหุ้น – ในไตรมาส 3 ปี 2566 เศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวจากการภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นหลัก ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกของประเทศไทยชะลอตัวลง
ตามอุปสงค์ประเทศคู่ค้าที่อ่อนตัว ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจาก
ความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจโลก เนื่องจากผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและคงไว้
เพื่อควบคุมเงินเฟ้อของประเทศต่าง ๆ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่อาจกระทบต่อการส่งออกของไทย
ตลอดจนปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

แม้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางฟื้นตัว แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง หรือเกิดโอกาสหรือเป็นความท้าทายทางธุรกิจ โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 ตลาดการเงินโลกมีความผันผวน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
อยู่ในระดับสูง ความยืดเยื้อของสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงความท้าทายจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งพฤติกรรมและวิถีชีวิตของผู้บริโภค และการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเพื่อรองรับการนำ
เทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้หลังโควิด-19  ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม
และธรรมาภิบาลเพิ่มขึ้น ธนาคารกรุงเทพตระหนักถึงความท้าทายในการดำเนินธุรกิจของลูกค้า จึงยังคงมุ่งเน้นการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ให้คำแนะนำในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจตามสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ รวมถึงการสนับสนุนการลงทุนใหม่ในกิจกรรม
ทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างระบบนิเวศด้านความยั่งยืนในระยะยาว

ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนปี 2566 จำนวน 32,773 ล้านบาท

ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนปี 2566 จำนวน 32,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 50.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.3 สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น สุทธิกับการทยอยเพิ่มขึ้นของต้นทุนเงินรับฝากและการปรับอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าสู่
ระดับเดิมตั้งแต่ต้นปี 2566 ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.96  ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 16.4 ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจและส่วนหนึ่งจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพ
การดำเนินงาน โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงอยู่ที่ร้อยละ 46.4 ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารมีการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง จึงมีการตั้งสำรองในไตรมาส 3 ปี 2566 อยู่ในระดับใกล้เคียง
กับไตรมาสก่อน โดยสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 9 เดือนปี 2566 มีจำนวน 26,323 ล้านบาท

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon