PTTGC เดินหน้าลงทุน ปิโตรฯเคมีสหรัฐ-อีอีซี

263

มิติหุ้น – PTTGC เดินหน้าลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ คาดเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2562 ลุยผนึกพันธมิตรญี่ปุ่นตะลุยพื้นที่ EEC โบรกฯ ประเมินปี 2561 โกยกำไรทะลัก 4.1 หมื่นล้านบาท ให้เป้าหุ้นทะยานแตะ  120 บาท

            ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC ผู้ประกอบการปิโตรเคมีและโรงกลั่น โดยนายปฏิภาณ สุคนธมาน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลาย เปิดแผยว่า แผนการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐอเมริกา คาดจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2562

หลังจากล่าสุดได้ลงนามข้อตกลงเบื้องต้น (HOA) กับบริษัทในเครือของบริษัท Daelim Industrial Co., Ltd. (DAELIM) ผู้ประกอบธุรกิจก่อสร้างและผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ในประเทศเกาหลีใต้ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในรายละเอียดของโครงการ รวมถึงการออกแบบทางวิศวกรรมและการจัดหาแหล่งเงินทุน

           ลงทุนปิโตรฯคอมเพล็กซ์สหรัฐ

การลงทุนดังกล่าวมีกำลังการผลิตเอทิลีนเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านตันต่อปี จากแผนเดิมที่ 1 ล้านตันต่อปี ทำให้วงเงินลงทุนรวมเพิ่มขึ้น และยังจะมีการลงทุนผลิตภัณฑ์ขั้นปลายที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยแผนการลงทุนเดิมจะต้องใช้เงินลงทุนราว 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนความร่วมมือศึกษาความเป็นไปได้การลงทุนโครงการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศกรรมชั้นสูง และผลิตภัณฑ์ยางเทอร์โมพลาสติกประเภท Hydrogenated Styrenic Block Copolymars กับบริษัท คุราเร จำกัด และบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเนชั่น จำกัด ลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คาดว่าจะสรุปการลงทุนขั้นสุดท้ายและจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุนได้ปลายปีนี้เช่นกัน

            คาดปี 61 กำไรสุทธิ 4.1 หมื่นล.

ด้านนายศักดิ์นรินทร์  ศศานนท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ภาพรวมผลประกอบการ PTTGC ปีนี้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากระดับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น คาดจะทรงตัวอยู่ระดับ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทมีราคาที่ดีขึ้น เช่น โพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) สูงขึ้นขณะต้นทุนการผลิตไม่ได้สูงตามทิศทางราคาน้ำมัน เนื่องจากใช้แก๊สในการผลิต

นอกจากนี้ PTTGC ยังรับรู้ผลประกอบการของการเข้าซื้อกิจการปิโตรเคมีของกลุ่ม ปตท. จำนวน 6 บริษัท รวมถึงการรับกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษี (EBIT) จากการดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพทั้งองค์กร (MAX) ในปีนี้ คาดอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิปี 2561 ไว้ที่ 41,533 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 4/2560 ประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 11,621 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมปี 2560 ประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 41,361 ล้านบาท พร้อมกับนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 120 บาท

www.mitihoon.com