SPPT ผลงานเทิร์นอะราวด์ จ่อปิดดีล“ไอที”เพิ่ม

145

มิติหุ้น – SPPT เชื่อผลงานปีนี้พลิกทำกำไรนิวไฮ หลังจากเข้าซื้อ TERA รุกขยายไลน์ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ฟันรายได้เหนาะๆ ปีละ 400 ล้านบาท พร้อมแต่งตัวดันเข้าตลาดหุ้น แย้มปีดดีลเทกโอเวอร์ธุรกิจไอทีเพิ่มเร็วๆ นี้ โบรกฯ สำทับอีกแรง ผลงานเทิร์นอะราวด์แน่นอน

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) หรือ SPPT ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและรับจ้างผลิตชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ที่มีขนาดเล็ก และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ โดย ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ประธานกรรมการ เปิดเผยว่า   บริษัทคาดปี 2561 จะพลิกมีกำไรสุทธิ พร้อมเชื่อว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบหลายปี

โดยมีปัจจัยหนุนจากที่บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้น บมจ. เทอร์ราไบท์ เน็ท โซลูชั่น หรือ TERA เพื่อขยายไลน์ธุรกิจจากการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มาสู่ธุรกิจวางระบบและให้บริการด้านไอที ซึ่งจะเริ่มสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ได้เต็มปีภายในปีนี้ โดย TERA มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี และเชื่อว่าในระยะต่อไปจะมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัท มีแผนจะนำ TERA เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอนาคต

ตั้ง 2 บริษัทย่อยหนุนแม่โต

นอกจากนี้ บริษัทได้ขยายการลงทุน ได้แก่ การจัดตั้งบริษัทย่อย 2 บริษัท คือ 1. บริษัท เอสพีพี อินเทลลิเจนซ์  ดำเนินธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้บริการแพลทฟอร์มด้านโลจิสติกส์ รวมทั้งเป็นตัวกลางในการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ ให้กับผู้ประกอบการด้านขนส่ง และ 2.บริษัท เอสพีพี ฟินเทค จำกัด ดำเนินธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้บริการ แพลทฟอร์ม ด้าน FinTech สำหรับให้บริการทางการเงินครบวงจร รองรับความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิตอลที่มีจำนวนมากกว่า 50-60 ล้านคน ซึ่งตลาดนี้มีกำลังซื้อจำนวนมหาศาล

พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าซื้อกิจการที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับธุรกิจไอที ซึ่งคาดว่าภายในเร็วๆ นี้จะได้ข้อสรุป โดยมีจะความชัดเจนราว 1-2 ดีล

 ผลงาน Q4/60 เทิร์นอะราวด์

ด้าน  บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) เผยว่า ภาพรวม SPPT  มีโอกาสขายธุรกิจโรงงานผลิต HDD ที่ขาดทุนออกไป เพื่อหาช่องทางการลงทุนธุรกิจด้านไอทีเพิ่มเติม จากที่เข้าซื้อธุรกิจรับเหมาระบบฯ ไปแล้วก่อนหน้า ทั้งนี้ ประเมินว่าผลการดำเนินงานของ SPPT จะเทิร์นอะราวด์ ตั้งแต่ไตรมาส 4/60 เป็นต้นไป

สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น SPPT พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 วันติดต่อกัน จากเมื่อวันที่ 15 ก.พ.61 ปิดที่ 4.60 บาท  และวันที่ 20 ก.พ.61 ราคาสูงสุด 5 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 8.69%  มูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นต่อเนื่อง

www.mitihoon.com