SCBAM ชูผลงานบริหารกองทุน SCBLT และกองทุน SCBGPROP แจกปันผลให้ผู้ถือหน่วยรวม 268.56 ล้านบาท ดีเดย์ 20 และ 24 ม.ค. นี้

79

มิติหุ้น – นายณรงค์ศักดิ์  ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัดหรือ SCBAM เปิดเผยว่า คณะกรรมการการลงทุนของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว (SCBLT) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBGPROP) คิดเป็นมูลค่าเงินปันผลรวม 268.56 ล้านบาท เป็นเครื่องตอกย้ำผลงานการบริหารกองทุนของผู้จัดการกองทุน ที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยได้ดี ท่ามกลางสถานการณ์ความผันผวนของตลาด

ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว (SCBLT) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตสูง และมีนโยบายหรือมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่วนที่เหลือจะลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัททั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนตราสารการเงินอื่นตามนโยบายการลงทุนของกองทุนนั้นๆ อื่น เช่น พันธบัตรรัฐบาลเงินฝาก และหุ้นกู้เอกชน เป็นต้น  ในสัดส่วนที่เหมาะสมของแต่ละช่วงเวลา ซึ่งการจ่ายปันผลให้กับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว (SCBLT) ดังกล่าว จะแบ่งเป็นจำนวน กองทุน คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (SCBLT1) , กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส (SCBLT2)กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว (SCBLT3)กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว อินเตอร์ (SCBLT4) และ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว ทาร์เก็ต (SCBLTT) เป็นจำนวน 0.14 -0.50 บาทต่อหน่วย โดยแบ่งตามชนิดหน่วยลงทุนของกองทุนที่เป็น ชนิดหุ้นระยะยาวชนิดเพื่อการออม ชนิดปี2020 และชนิดเพื่อการออมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็นมูลค่าการจ่ายปันผลที่ประมาณ 263.18 ล้านบาท สำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ กรกฎาคม 2565 – 31 ธันวาคม 2565  ซึ่งได้แจ้งปิดพักสมุดทะเบียนแล้วเมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่20 มกราคม 2566 นี้

สำหรับ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBGPROP) เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก BGF WORLD REAL ESTATE SECURITIES FUND ซึ่งเน้นบริหารเพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนใน REITs ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และหุ้นของบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก เช่น ที่พักอาศัย สำนักงาน โรงแรม และอาคารพาณิชย์ เป็นต้น โดยลงทุนเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ซึ่งสำหรับการจ่ายปันผลครั้งนี้ เป็นการพิจารณาอนุมัติจ่ายจากผลการดำเนินงานในรอบ เดือน (ตุลาคม 2565 – 31 ธันวาคม 2565) เป็นจำนวน 0.20 บาทต่อหน่วย คิดเป็นมูลค่าการจ่ายปันผลที่ประมาณ 5.42 ล้านบาท นับเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 14 นับแต่จัดตั้งกองทุน ซึ่งได้แจ้งปิดพักสมุดทะเบียนแล้วเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่24 มกราคม 2566

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า “นับเป็นความสำเร็จในการบริหารจัดการกองทุนต่อสถานการณ์การลงทุนในปี 2565 จากที่ทั่วโลกต้องเจอกับภาวะเงินเฟ้อและปัจจัยกดดันต่างๆ ที่ส่งผลให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจและการลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยเองก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างจากประเทศอื่น โดยเฉพาะด้านการดำเนินธุรกิจและผลประกอบการของบริษัทของตลาดทุนไทยในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มมีทิศทางที่ค่อยๆทยอยฟื้นตัวจากการที่ภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศและเปิดรับนักท่องเที่ยว ที่ส่งผลบวกต่อภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ที่จะมาเอื้อประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค และภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวที่ต่อเนื่อง แต่สถานการณ์โลกก็ยังมีความไม่แน่นอนจากสงครามเงินเฟ้อโลกที่ยังไม่จบ วิกฤตพลังงานที่ยังยืดเยื้อ และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้  ดังนั้น การวางกลยุทธ์บริหารพอร์ตลงทุนจึงจะเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ด้วยมุ่งหวังในการสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอได้ในระยะยาว”

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon